นิสัยด้านดีที่ไม่ธรรมดาของคนที่มีความอดทน
ความอดทน มีคำนิยามโดยย่อ คือ
“ความสามารถที่จะขยันทำงานและรับผิดชอบต่อความล้มเหลวและความลำบาก
คุณสมบัติทางด้านจิตใจดังกล่าวนี้ย่อมมีในคนที่ทำงานค่อนข้างหนัก
เคร่งครัดในหน้าที่ และมีเป้าหมายชัดเจน
ความอดทน ส่วนมากจะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของคนที่ประสบความสำเร็จ
เพราะจิตใจที่เข้มแข็งอดทนเป็นพื้นฐานของความสำเร็จในระยะยาว ตัวอย่างเช่น
คนที่ประสบความสำเร็จจะมีความพึงพอใจในการใช้เวลาคิดให้ดี
อดทนต่อความพยายามที่ต้องลองผิดลองถูก
ไปจนถึงอดทนที่จะเอาชนะความกลัวเพื่อจะทำอะไรสักอย่างโดยจำเป็นต้องทำ
(แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงไม่กลัว แต่หมายถึงกล้าที่จะเสี่ยงทำอะไรที่เป็นความแตกต่างออกไปอย่างมาก)
คนที่ประสบความสำเร็จไม่เพียงแต่เป็นคนที่จัดลำดับความสำคัญได้ดี
แต่ยังเป็นนักตัดสินใจที่ดีเมื่อต้องเลือกสิ่งที่เข้ามาหาพร้อมกัน ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าแค่ “ความอดทน”
ก็ให้อะไรได้มากกว่าความสำเร็จ มันไม่ใช่แค่จิตใจเข้มแข็งเพียงอย่างเดียว
หากแต่ยังส่งผลต่อคุณสมบัติด้านอื่นที่น่าสนใจ และทำให้เป็นคนน่าสนใจอีกด้วย
1.
เป็นผู้ลงมือทำอยู่เสมอเมื่อรู้ว่าเราสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ด้วยตัวเอง
หลายคนเชื่อในโชคชะตาที่จะดลให้เกิดความสำเร็จหรือความล้มเหลว
ถ้าประสบความสำเร็จก็ถือว่าโชคเข้าข้างเรา
ถ้าล้มเหลวก็โทษว่ามันเป็นดวงเฮงซวย
คนส่วนใหญ่จะรู้สึกดีเมื่อความโชคดีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิต
แล้วบอกว่าความสำเร็จเกิดขึ้นเพราะโชคดี พวกเขาไม่เคยรู้จักการ “รอคอย”
เชื่อแต่ในเรื่องความบังเอิญ ซึ่งถ้าโชคนั้นเกิดขึ้นเพราะการกระทำ
ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ นั่นก็แปลว่า เราควบคุมมันเองได้ ดังนั้น
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเชื่อเรื่องความบังเอิญ เขาจะลงมือทำ
แม้ว่ามันต้องใช้เวลานาน ใช้ความพยายามอย่างสูง
โชคชะตาอาจเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่ตัวคุณเองควบคุมตัวเองได้แน่นอน
2.
เลือกที่จะไม่สนใจในสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบอะไรมาก
จิตใจที่แข็งแรงก็เหมือนกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
ไม่มีใครจะสร้างให้เราได้เท่าตัวเราเอง
ดังนั้นมันเรื่องอะไรกันที่คุณจะเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ธุระของคุณ
อะไรก็ตามที่คุณแคร์และต้องการให้คนอื่นมาแคร์คุณมันอาจจะเป็นเรื่องการเมือง
ครอบครัว เพื่อน ที่ทำงาน ฯลฯ มันโอเคที่คุณจะ “ทำเท่าที่ทำได้” เช่น
โหวตคะแนนเสียงในบัตรเลือกตั้ง ให้เพื่อนยืมของ
ทำมันไปเถอะถ้ามันเป็นไปในทิศทางที่ “คุณเลือกการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวคุณเอง”
แต่อย่าพยายามจะเปลี่ยนคนอื่นด้วยการเปลี่ยนแปลงอันอื่น
(ที่มันใหญ่โตเกินตัวคุณและคนอื่นก็ไม่ได้ต้องการ) สำหรับเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงเรา อดทนเถอะ
เราทำเท่าที่เราทำไปแล้วไงล่ะ
3.
เห็นคุณค่าของอดีตเป็นบทเรียน
อดีตมีค่าพอในฐานะให้เราได้เรียนรู้จากความผิดพลาด
ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของตัวเราหรือคนอื่นก็ตาม หลังจากได้เรียนรู้แล้ว
คุณก็ปล่อยมันไปซะ
มันเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ลงมือทำยาก ? ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติของคุณว่าเมื่อเกิดเรื่องแย่
ๆ ขึ้นกับคุณ คุณเห็นโอกาสที่จะเรียนรู้บางอย่างรึเปล่า
ถ้าคนอื่นผิดพลาดคุณยังเห็นโอกาสที่จะเรียนรู้ในการให้อภัย เข้าใจ
และยอมรับรึเปล่า อดีตคือการฝึกฝน
มันไม่ใช่การนิยามตัวตนเราตลอดไป ช่วงเวลาตั้งแต่การทำผิด
ถือว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ต้องอาศัยความอดทนในการแก้ไขและพิสูจน์ตัวเองต่อคนรอบข้างไปพร้อม
ๆ กัน
จึงไม่ผิดถ้าจะบอกว่าความผิดพลาดในครั้งหนึ่งมันเป็นบทเรียนราคาแพงก็เพราะต้องใช้ความอดทนสูงในการเรียนรู้จนกว่ามันจะผ่านพ้นไป
4.
สรรเสริญความสำเร็จของคนอื่น
กีฬาหรือเกมส์การแข่งขันที่ต้องทำคะแนนกัน
แน่นอนว่าถ้ามีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้ อย่าโกรธเคืองในความดีเลิศของคนอื่น การข่มใจ
ยอมรับว่าตัวเองแพ้ อ่อนหัดจริง แล้วยินดีกับคนอื่น
นอกจากจะทำให้คุณได้เพื่อนที่ดีเพิ่มขึ้น มันยังทำให้คนอื่นมองเห็นน้ำใจคุณเหมือนกับที่คุณมองเห็นน้ำใจของตัวเองแล้วยอมแบ่งปันให้คนอื่นนั่นแหละ
แสงสว่างที่มากขึ้นเพราะเติมไฟให้คนอื่นด้วยไฟของตัวเรา(แม้จะน้อยนิด)
มันยังดีกว่าเราดับไฟคนอื่นแต่ไฟตัวเองสว่างฝ่ายเดียว จริงไหม?
5.
ไม่เป็นคนที่เอาแต่คร่ำครวญ
คำพูดของคนเรามีพลังมาก เมื่อเกิดปัญหาขึ้น
แน่นอนว่าการบ่นครวญครางมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
มันมีแต่ทำให้ตัวเราและคนอื่นที่ได้ฟังรู้สึกแย่ หดหู่ ได้รับพลังด้านลบ
คนที่อดทนจะไม่เสียเวลาไปกับการพร่ำบ่นใด ๆ เด็ดขาด
แม้จะรู้สึกเหนื่อยก็จะเก็บไว้ในใจ ไม่พูดหรือแสดงออกให้ใครพลอยรู้สึกแย่ไปด้วย
ตรงกันข้าม กลับพูดสร้างกำลังใจให้ตัวเองและเพื่อนร่วมงาน รู้สึกมีพลัง
อยากทำงานต่อ
6.
โฟกัสเฉพาะด้านประทับใจจากคนอื่นด้วยตัวคุณเอง
เสื้อผ้าหน้าผม รถ บ้าน ปัจจัยภายนอกของคนอื่น ๆ
ก็ไม่มีใครซ้ำคุณและคุณก็ไม่ซ้ำใครง่าย ๆ
อาจมีบ้างที่จะไปบังเอิญเหมือนคุณในบางสิ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวตนพวกเขาจะต้องเหมือนตัวตนของคุณ
(แน่นอนว่า ถ้ามองโดยผิวเผินก็ดูเหมือนว่าจะเหมือนคุณ
แต่ความผิวเผินนั้นมันมีความเปราะบางด้วย ดังนั้น
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีแก่นสารใดมันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่จริงแท้เช่นกัน) สัมพันธภาพที่แท้จริงจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น
การที่คุณพยายามจะเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่แค่การหยุดเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเท่านั้น
คุณยังต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะให้คนอื่นมาสร้างสาระให้กับชีวิตตัวคุณเองด้วย
(คุณอาจมีเพื่อนเยอะ รู้สึกเฉิดฉายที่ได้โชว์ฟอร์มท่ามกลางเพื่อนฝูง แต่เพื่อนแท้จะช่วยสร้างแก่นสารกับชีวิตคุณ
แม้ว่าจะต้องขัดใจกันบ้างก็ตาม คุณต้องอดทน แล้วคุณจะรู้จักสัมพันธภาพ “เพื่อน”
ที่แท้จริงมากขึ้น)
7.
เก็บแต่ช่วงเวลาที่ดี
ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก่อนปิดไฟ
หยุดคิดหยุดกังวลทุกเรื่องซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่ “ไม่ต้องทำ” คิดแต่สิ่งที่
“ต้องทำ” แล้วจะรู้สึกว่าก่อนนอนแต่ละวันมีเรื่องให้อยากขอบคุณเยอะไปหมด
รู้สึกว่าชีวิตมีความหมายที่ได้ใช้ความอดทนความพยายาม เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง
แต่ก็ทำสิ่งดี ๆ ลุล่วงไปแล้ว
มันเป็นความรู้สึกดีที่เหมือนได้ชาร์จแบตตัวเองให้สดชื่นพร้อมรับวันใหม่เลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น